1️⃣คำว่า "ทรัพย์ของผู้อื่น"
🔸คำว่า "ทรัพย์ของผู้อื่น" นั้น ย่อมหมายความรวมถึงบุคคลที่ได้รับมอบหมายโดยตรงจากเจ้าของทรัพย์ให้เป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์นั้น เมื่อรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุเป็นของ ล. และผู้เสียหายยืมจากเพื่อนรุ่นน้องมาใช้ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ล. ซึ่งเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุได้มอบหมายโดยตรงให้ผู้เสียหายเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษารถจักรยานยนต์คันดังกล่าวโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของทรัพย์ได้ ผู้เสียหายจึงไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2564 )
2️⃣การไถที่เพื่อปรับสภาพที่ดินไม่เป้นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
🔸ที่ดินพิพาทก่อนเกิดเหตุ มีหญ้าและวัชพืชขึ้นรกทั่วทั้งแปลง จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้รถแทรกเตอร์ไถที่ดินพิพาทเพื่อปรับพื้นที่ให้อยู่ในสภาพโล่งเตียน ซึ่งการกระทำดังกล่าวย่อมมีผลให้หน้าดินบางส่วนต้องถูกไถออกไปบ้างเป็นธรรมดา มิใช่เป็นการทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งที่ดินพิพาทของโจทก์ร่วม อันจะเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 358 (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2991/2565 )แต่การนำยาฆ่าแมลงใส่ในผลมะละกอให้ช้างกิน ใช้เลื่อยตัดเหล็กตัดงานช้าง เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์( คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10319/2558 )
3️⃣ภาระจำยอมแก่ที่ดินจัดสรรเป็นกฎหมายเฉพาะไม่อาจนำบทบัญญัติทั่วไปเกี่ยวกับการสิ้นไปของภาระจำยอมมาใช้ได้
🔸แม้จะได้ความว่าโจทก์มิได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทซึ่งตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินจัดสรรมานานกว่า 10 ปี แล้วก็ตาม แต่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 เป็นกฎหมายเฉพาะบัญญัติขึ้นเพื่อให้ความคุ้มครองประโยชน์ของผู้ซื้อที่ดินจัดสรรและประชาชนทั่วไป จึงไม่สามารถนำบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการสิ้นไปของภาระจำยอมที่เกิดขึ้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1399 ซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไปมาใช้บังคับแก่ภาระจำยอมที่เกิดขึ้นตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ได้ ภาระจำยอมในที่ดินพิพาทจึงไม่สิ้นสุดลง การที่จำเลยก่อสร้างรั้วและทำประตูเหล็กปิดกั้นถนนบนที่ดินพิพาทกับทุบทำลายถนนในที่ดินพิพาทจนสิ้นสภาพความเป็นถนนย่อมเป็นการทำให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกแก่การใช้ที่ดินพิพาท จำเลยจึงต้องรื้อสิ่งกีดขวางการใช้ที่ดินพิพาทออกและโจทก์ผู้เป็นเจ้าของสามยทรัพย์มีสิทธิขอให้บังคับจำเลยผู้รับโอนที่ดินพิพาทอันเป็นภารยทรัพย์จดทะเบียนให้ที่ดินพิพาทดังกล่าวเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์(คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2568 )